การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
การปฐมพยาบาล หมายถึง
การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ณ สถานที่เกิดเหตุ
โดยใช้อุปกรณ์เท่าที่จะหาได้ในขณะนั้น นำมาใช้ในการรักษาเบื้องต้น
ควรทำการปฐมพยาบาลให้เร็วที่สุดหลังเกิดเหตุโดยอาจทำได้ในทันที
หรือระหว่างการนำผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลหรือสถานที่รักษาพยาบาลอื่นๆ
เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย หรืออาการบาดเจ็บนั้นๆ
ก่อนที่ผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับการดูแลรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์
หรือถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาล
มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือ
1. เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย
หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุต่างๆในขณะนั้น
2.
เพื่อเป็นการลดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย
3.
เพื่อทำให้บรรเทาความเจ็บปวดทรมานของผู้ป่วยหรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
และช่วยให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
4. เพื่อป้องกันความพิการ
หรือความเจ็บปวดอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
ขอบเขตของผู้ทำการปฐมพยาบาล
ผู้ปฐมพยาบาลมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น
จะหมดหน้าที่เมื่อผู้บาดเจ็บปลอดภัยหรือได้รับการรักษาจากแพทย์หรือสถานพยาบาลแล้ว
ขอบเขตหน้าที่ของผู้ปฐมพยาบาลมี 2
ประการใหญ่ ๆ คือ
1.
วิเคราะห์สาเหตุและความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือได้ถูกต้อง มีขั้นตอนดังนี้
1.1 ซักประวัติของอุบัติเหตุ
จากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือผู้บาดเจ็บที่รู้สึกตัวดี
1.2 ซักถามอาการผิดปกติหลังได้รับอุบัติเหตุ
เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดมากที่บริเวณใด ฯลฯ
1.3
ตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บทุกครั้งก่อนให้การปฐมพยาบาล โดยตรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น อาการบวม บาดแผล กระดูกหัก เป็นต้น
ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
โดยช่วยเป็นลำดับขั้นดังนี้
2.1
ถ้าผู้บาดเจ็บอยู่ในบริเวณที่มีอันตรายต้องเคลื่อนย้ายออกมาก่อน เช่น
ตึกพังถล่มลงมา ไฟไหม้ในโรงภาพยนตร์ เป็นต้น
2.2 ช่วยชีวิต
โดยจะตรวจดูลักษณะการหายใจว่ามีการอุดตันของทางเดินหายใจหรือไม่
หัวใจหยุดเต้นหรือไม่ ถ้ามีก็ให้รีบช่วยกู้ชีวิตซึ่งจะกล่าวในตอนต่อไป
2.3 ช่วยมิให้เกิดอันตรายมากขึ้น
ถ้ามีกระดูกหักต้องเข้าเฝือกก่อน เพื่อมิให้มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อมากขึ้น
ถ้ามีบาดแผลต้องคลุมด้วยผ้าสะอาด เพื่อมิให้ฝุ่นละอองเข้าไปทำให้ติดเชื้อ
ในรายที่สงสัยว่ามีการหักของกระดูกสันหลัง ต้องให้อยู่นิ่งที่สุด และถ้าจะต้องเคลื่อนย้ายจะต้องให้แนวกระดูกสันหลังตรง
โดยนอนราบบนพื้นไม้แข็ง มีหมอนหรือผ้าประคองศีรษะมิให้เคลื่อนไหว
ให้คำปลอบโยนผู้บาดเจ็บ ให้กำลังใจ อยู่กับผู้บาดเจ็บตลอดเวลา พลิกตัว หรือ
จับต้องด้วยความอ่อนโยนและระมัดระวัง ไม่ละทิ้งผู้บาดเจ็บอาจต้องหาผู้อื่นมาอยู่ด้วยถ้าจำเป็น
การปฐมพยาบาลอาการเป็นลมหรือหมดสติ ภาวะเป็นลมหรือหมดสตินั้น เราสามารถพบได้อยู่ตลอดเวลาซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ และอาจเป็นได้หลายสาเหตุ
เช่น เหนื่อยหรือร้อนจัด หิวหรือเครียด โดยผู้ที่จะให้การช่วยเหลือผู้เป็นลมได้นั้น
ควรมีความรู้ความเข้าใจในวิธีการ ดังนี้
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้เป็นลม
- นำเข้าพักในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ให้นอนราบ และคลายเสื้อผ้าให้หลวม
- ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก มือ และเท้า
- ให้ผู้เป็นลมหรือหมดสติดมแอมโมเนีย
ข้อสังเกต ถ้าใบหน้าผู้ที่เป็นลมขาวซีด ให้นอนศีรษะต่ำ ถ้าใบหน้ามีสีแดงให้นอนศีรษะสูง
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นผู้หมดสติ
- ตรวจดูในปากว่ามีสิ่งอุดตันทางเดินหายใจหรือไม่
ถ้ามีต้องรีบนำออกโดยเร็ว
- จัดให้ผู้หมดสติอยู่ในท่าที่เหมาะสม
โดยให้ผู้หมดสตินอนตะแคงคว่ำไปด้านใดด้านหนึ่ง
- คลายเครื่องนุ่งห่มให้หลวม และห้ามให้น้ำหรืออาหารทางปาก
- ถ้ามีอาการชักให้ใช้
ผ้าม้วนเป็นก้อนสอดระหว่างฟันบนกับฟันล่างเพื่อกันผู้ป่วยกัดลิ้นตนเอง
ให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ
ประคองและจับส่วนที่บาดเจ็บอย่างมั่นคง
อย่าพยายามเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยไม่จำเป็น
หรือจนกว่าส่วนของกระดูกที่หักจะได้รับการเข้าเฝือกแล้ว ใส่เฝือกชั่วคราว โดยใช้วัสดุที่หาง่าย เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์
กระดาษแข็ง ไม้ไผ่ เป็นต้น ( ถ้าเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ เช่น กระดูกโคนขา
อาจใช้ขาข้างดีเป็นตัวยึดก็ได้) และก่อนเข้าเฝือก
ควรใช้ผ้าสะอาดพันส่วนที่หักให้หนาพอสมควร หรือทำการห้ามเลือดก่อน
ถ้ามีเลือดออกมากพันผ้ายืดไม่ให้เคลื่อนไหว ระวังอย่าพันให้แน่นจนเกินควร
เพราะจะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายไม่ได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก ถ้าเป็นปลายแขน
หรือมือ ใช้ผ้าคล้องคอ ถ้ากระดูกหักโผล่ออกมานอกเนื้อ
อย่าดันกลับเข้าที่เดิมเด็ดขาด
เพราะจะทำให้เชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากภายนอกเข้าไปในแผลส่วนลึกได้
ให้หาผ้าสะอาดคลุม หรือปิดบาดแผลไว้ให้ยาแก้ปวดหากปวดแผลมาก เช่น พาราเซตะมอล และห่มผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
ซึ่งการเคลื่อนย้ายผู้ที่บาดเจ็บต้องทำอย่างระมัดระวัง
โดยให้ส่วนที่หักเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
การปฐมพยาบาลบาดแผลอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันอันตรายและลดอาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นได้
โดยควรปฏิบัติดังนี้
ชนิดของบาดแผลบาดแผลปิดหมายถึง บาดแผลที่มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อภายใต้ผิวหนัง เช่น แผลฟกช้ำ ห้อเลือด
ข้อเท้าพลิก ข้อแพลง
ใน 24 ชั่วโมงแรก ใช้น้ำแข็งหรือถุงน้ำเย็นประคบ เพื่อไม่ให้เลือดออก
และช่วยระงับอาการปวดหลัง
24 ชั่วโมง ควรประคบด้วยน้ำอุ่น เพื่อช่วยละลายลิ่มเลือด
24 ชั่วโมง ควรประคบด้วยน้ำอุ่น เพื่อช่วยละลายลิ่มเลือด
บาดแผลเปิด หมายถึง บาดแผลที่มีการฉีกขาดและมีเลือดไหลออกมานอกผิวหนัง เช่น แผลถลอก แผลตัด แผลฉีกขาดกระรุ่งกระริ่ง แผลถูกยิง แผลถูกแทง แผลถูกยิง
การดูแล
ชะล้างแผลและทำความสะอาดรอบๆ แผล ถ้าแผลสกปรกมาก
ควรล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่ใช้ผ้าสะอาด หรือผ้ากอซสะอาด
ซับบริเวณแผลให้แห้งใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน (Beta dine) ไม่จำเป็นต้องปิดแผล ถ้าเป็นแผลถลอก หากมีเลือดซึม
ควรใช้ผ้ากอซสะอาดปิดแผลไว้ ถ้าบาดแผลมีขนาดใหญ่ กว้างและลึก
มีเลือดออกมาก ให้ห้ามเลือด และรีบนำส่งโรงพยาบาลบาดแผลที่เย็บการดูแลดูแลแผลไม่ให้สกปรก
ไม่ควรให้ถูกน้ำเพราะจะทำให้แผลที่เย็บไม่ติด
และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายการเปลี่ยนผ้าปิดแผลควรทำให้น้อยที่สุดหรือทำเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น
ถ้าแผลสะอาดไม่ต้องเปลี่ยนผ้าปิดแผลจนถึงกำหนดตัดไหม ยกเว้น แผลสกปรก
อาจต้องล้างแผลบ่อยขึ้นตามปกติ จะตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน แต่ถ้าแผลยังอักเสบ
หรือยังไม่แน่ใจว่าแผลติดแล้ว อาจต้องรอต่อไปอีก 2 – 3 วัน ให้แผลติดกันดีจึงค่อยตัดไหม
ยกเว้นรายที่มีการติดเชื้อ แผลเป็นหนอง จำเป็นจะต้องตัดไหมออกก่อนกำหนด
จมน้ำเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรงมักจะทำให้ตายในเวลาเพียงไม่กี่นาที มักเกิดกับ เด็กเล็ก และคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอาจเกิดจากอุบัติเหตุ (เช่น ตกน้ำ เรือคว่ำ เรือชน) เมาเหล้า โรคลมชัก โรคหัวใจวาย
หรืออื่น ๆคนที่จมน้ำมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจเพราะสำลักน้ำ บางคนอาจตายเนื่องจากภาวะเกร็งของกล่องเสียง (laryngospasm) ทำให้หายใจไม่ได้สาเหตุเหล่านี้มักจะทำให้คนที่จมน้ำ ตายภายใน 5-10 นาที คนที่จมน้ำถึงแม้จะรอดมาได้ในระยะแรก แต่ก็อาจจะตายเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนในภายหลังได้เช่น ปอดอักเสบ การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ในร่างกาย
ภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema)
ภาวะปอดไม่ทำงาน (ปอดล้ม ปอดวาย)
เป็นต้น ภาวะเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งในพวกที่จมน้ำจืด (แม่น้ำ
ลำคลอง บ่อ สระน้ำ) และพวก ที่จมน้ำทะเล รวมทั้งอาการแสดงและการรักษาก็ไม่ต่างกันมาก ข้อแตกต่าง คือ น้ำจืดจะมีความเข้มข้นน้อยกว่า เลือด(พลาสมา) ดังนั้น
ถ้ามีน้ำอยู่ในปอดจำนวนมาก ก็จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดทันที
ทำให้ปริมาตรของเลือดที่ไหลเวียนเพิ่มจากเดิม (hypervolemia) มีผลทำให้ระดับเกลือแร่ (เช่น โซเดียม โพแทสเซียม) ในเลือดลดลง
ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจวายได้ นอกจากนี้
ยังอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis) ได้อีกด้วย ส่วนน้ำทะเลจะมีความเข้มข้นมากกว่าเลือด น้ำทะเลที่สำลักอยู่ในปอด
จะดูดซึมน้ำเลือด (พลาสมา) จากกระแสเลือดเข้าไปในปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary
edema) ระบบไหลเวียนมี ปริมาตรลดลง (hypovolemia) และระดับเกลือแร่ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
หัวใจวายหรือเกิดภาวะช็อกได้ แต่อย่างไรก็ตาม คนที่จมน้ำมักตาย
เนื่องจากขาดอากาศหายใจมากกว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับเกลือแร่ และปริมาตรของเลือด
อาการ
คนที่จมน้ำมักจะมีอาการหมดสติ
และหยุดหายใจ บางคนหัวใจอาจหยุดเต้น (คลำชีพจรไม่ได้)ร่วมด้วย ถ้าไม่ถึงกับหมดสติ
ก็อาจมีอาการปวดศีรษะ เจ็บหน้าอก อาเจียน กระวนกระวาย หรือไอมีฟองเลือดเรื่อ ๆ
(ซึ่งแสดงว่ามีภาวะปอดบวมน้ำ)บางคนอาจตรวจพบภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันเลือดต่ำ หรือภาวะช็อก
ประโยชน์การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ประโยชน์การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1. เพื่อช่วยพยุงชีวิตเอาไว้ ได้แก่ ช่วยในการหายใจ ช่วยห้ามเลือด
2. ให้ผู้ป่วยคลายความทุกข์ทรมานและไม่ให้มีการบาดเจ็บมากขึ้นไปอีก
3. ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว ได้แก่ การดูแลและให้กำลังใจ
การให้ยาแก้ปวด การให้ ความอบอุ่น
ความสำคัญของการปฐมพยาบาล มีดังนี้
1. เป็นการช่วยรักษาชีวิตของผู้ป่วย การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและรวดเร็วสามารถช่วยลดอันตรายที่รุนแรงหรือลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
เช่น การช่วยผายปอดผู้ที่หยุดหายใจ การห้ามเลือด เป็นต้น
2. ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายมากขึ้น
การปฐมพยาบาลจะเป็นการลดอันตรายจากการบาดเจ็บ ตลอดจนช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือความพิการ
ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เช่น
การช่วยเหลือผู้ที่หมดสติโดยให้นอนคะแครงเพื่อไม่ให้สำลักน้ำลายหรือเสมหะเข้าไปในทางเดินหายใจหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่กระดูกหักอย่างถูกวิธีช่วยให้กระดูกไม่ไปกดทับส่วนสำคัญ
เป็นต้น
3. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการเจ็บปวดและทรมานจากการได้รับบาดเจ็บต่างๆ เช่น
การใช้น้ำล้างตาผู้ที่ถูกสารเคมีเข้าตาซึ่งช่วยลดอาการระคายเคืองและลดความเจ็บปวดลงได้
หรือการเข้าเฝือกชั่วคราวให้ผู้ที่กระดูกขาหักเพื่อให้ส่วนที่หักเคลื่อนไหวได้น้อยที่สุดและไม่ไปทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่บริเวณรอบๆ
และลดความเจ็บปวดได้อีกด้วย เป็นต้น
4. ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวและกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
เนื่องจากผู้ป่วยมักมีความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของตนเอง
ดังนั้นนอกจากการช่วยเหลือโดยการปฐมพยาบาลแล้ว การดูแลทางด้านจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นการให้กำลังใจ ปลอบโยน
สิ่งที่ผู้ปฐมพยาบาลควรปฏิบัติ
1. ห้ามเลือดถ้ามีเลือดไหลช่วยผายปอดเมื่อจำเป็น
2. ถ้าหยุดหายใจให้รีบผายปอดทันทีจนกว่าผู้ป่วยจะหายใจเองได้
3. ไม่ควรสัมผัสบาดแผลที่มีเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ป่วยโดยตรง
4. ในกรณีที่ผู้ป่วยใส่ฟันปลอมควรนำออกในขณะที่ผู้ป่วยหมดสติ
5. ในกรณีที่ผู้ป่วยสลบหรือหมดสติห้ามให้ดื่มน้ำหรือกินยา
6. ถ้าสงสัยว่ามีกระดูกหักควรเข้าเฝือกชั่วคราวก่อนการเคลื่อนย้าย
7. ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้ป่วยถ้าไม่จำเป็น
8. ในกรณีผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ให้รีบนำส่งแพทย์โดยเร็วที่สุด
ขออนุญาติ นำมาเผยเเพร่ต่อเป็นความรู้เพื่อนำไปใช้ในสถานการณ์จริง จากนักเรียนนักศึกษาโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร
จากเเหล่งที่มา
จัดทำโดย นายจิราธิวัฒน์ เสนาภักดิ์
รหัสนักศึกษา 5322014094แผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคยโสธร
E-Mail : golfzacc@hotmail.com
First Aid
The aid is meant to provide assistance to the sick or injured at the scene. Using the device as it has for the moment. Used in the initial treatment. First aid should be made as soon as possible after the incident could be done immediately. Or the patient or bring the wounded to the hospital or other healthcare facility. To help alleviate symptoms Or injury that Before the patient or the injured have received treatment from the medical staff. Or be sent to a hospital.
The objective of the aid is important.
1. To help patients Or those who have been hurt by the incident or accident in that time.
2. To reduce the severity of injury or illness.
3. To relieve the pain of patients who were injured. And gives back to normal soon.
4. To prevent disability Pain or other will happen later.
The scope of the aid
The aid shall help the wounded or emergency patients only. It will act when the safety or injuries have been treated by a doctor or nurse then.
The scope of the aid are two main reasons.
1. Analysis of the cause and severity of the accident. As a guide to help them correct. Follow these
steps:
1.1 History of Accidents From those in the event of injury or feel good.
1.2 debriefing after incidents like symptoms, headache, nausea, vomiting, pain, etc., at any area.
1.3 physical injuries before giving first aid. By check from head to toe. To find something unusual happens, such as swelling, wounds, fractures and so on.
Help for the wounded In order to help the
2.1 If the injury is in a dangerous area to move out before the building collapsed like a landslide. Fire in cinema etc.
2.2 save lives, it will examine the characteristics of breath that there is a blockage of the airway or not. Cardiac arrest or If there was a rush to save lives, which will be discussed in the next section.
2.3 helping prevent more dangerous. If you need to splint broken bones before. To avoid tearing of the tissues more. If the wound be covered with a clean cloth. So that dust can cause infection. In cases of suspected fracture of the spine. Be still possible And if it must be moved to keep the spine straight. By lying on the hardwood floor A fabric or pillow cradles your head is moving. Comforting words of encouragement to the wounded with injuries all the time, turning or touched with tenderness and care. Do not abandon the wounded may have to live with others if necessary.
Aid seizure or loss of consciousness. Cy fainting or unconsciousness that. We can meet at any time that such symptoms result from an inadequate blood supply to the brain. And may have many causes, such as exhaustion or heat. Hungry or stressed By helping to keep the wind is. There should be better
understanding of how it works.
To aid the wind.
- To stay in the shade. A ventilated
- Lie down and loosen clothing loose.
- Use a damp cloth to wipe the cold sweat on the forehead, hands and feet.
- The wind is up or out of the ammonia.
Notice that if the face is pale wind. Head to lie low If the face is red with head high.
To aid the victim.
- Make sure that there is something in the mouth or airway obstruction. If there must be removed without delay.
- Provide the victim in a proper posture. The victim lie face down to one side.
- Loosen clothing loose And do not allow water or food by mouth.
- If you have a seizure. Fabric rolls into cubes inserted between the teeth on the lower teeth to each patient's own tongue.
- To stanch the bleeding. If symptoms do not improve immediately taken to hospital immediately.
first aid
The victim is still Catch the injuries sustained and steady. Do not attempt to move the casualty unnecessarily. Or until the fracture has already been cast. Temporary splinting Using materials that are easy to find, such as newsprint, cardboard, bamboo, etc. (if a piece of bone such as the femur may be used as a placeholder or leg) and before splint. Always use a clean cloth wrapped the broken thick enough. Or to stop the bleeding before If the bleeding does not give a lot of stretch movements. Do not get wrapped tightly unduly. Because the blood supply to the organs are not. This is very dangerous If the forearm or hand with a cloth strap. If a broken bone protruding outside the body. Do not push it back into its original impetus. Because the germs and dirt from the outside into the deep wound. Make a clean cloth cover Or cuts off the pain to painkillers such as para Seta malt and a blanket to warm the body quickly bring the patient to the hospital. The movement of the injured had to be done carefully. To break the slightest movement.
The fresh aid cuts
Aid cuts correctly to help prevent and reduce complications that can occur. By should:
Kind of traumatic wound closure means. Wounds that have torn tissue under the skin, such as hematoma, contusion, sprain an ankle.
In the first 24 hours, apply ice bags or cold compresses. To prevent bleeding And relieves back pain 24 hours should pack with warm water. To help dissolve blood clots
Open wounds, meaning wounds are torn and bleeding out of the skin, such as wounds, cuts, wounds, bruises, torn until the next act bearing gunshot wounds stab wounds, gunshot wounds.
Care. Clean and wash the wound around the wound if the wound is very dirty. Rinse with clean water and soap, clean cloth. Gauze or clean Lining the wound to dry sterile drugs such as beta-Dean (Beta dine) no need to close the wound. If a bruise If there is hemorrhage Always use a clean gauze bandage it. If the wound is large, deep and wide, much to stanch the bleeding and rushed to hospital stitched the wound care, wound care, not dirty. Do not allow contact with water because it will not stick to the wound stitched. And infections easily switch fabric adhesive should make little or only when necessary. If the wound is clean, do not change the fabric adhesive to set, cut it unless the wound is dirty may be washed frequently wound up as usual. To cut it at the end of seven days, but if the wound is inflamed. Or are not sure if the wound is already infected. May have to wait for the next 2-3 days, the wound up well before you cut it. Except for cases of gonorrhea infections scar the need to cut it off prematurely.
Aid drowning man
General characteristics
Drowning is a condition that is common and violent, often lethal in just a few minutes, often with small children who can not swim is probably caused by an accident (eg fall capsize vessels bump) intoxicated. epilepsy, heart attack or other people who often die because of drowning, suffocation, choking, because the water. Some people may have died due to spasms of the larynx.(Laryngospasm) breathing does not cause these often cause people to drown to death within 5-10 minutes to drown even survive in the early stages. But it may die due to complications such as pneumonia, later changes of mineral levels in the body. Acidosis And pneumonia (pulmonary edema).
No pulmonary function (lung failure, lung failure), etc. These conditions often occur not much different. Both of those caught up in fresh water (rivers, canals, ponds, pools) and a sunken sea, including symptoms and treatment did not differ much difference is there is less concentrated than fresh water. Blood (plasma), so if a lot of water in the lungs. It is absorbed into the bloodstream immediately. The volume of blood that flow from it. (Hypervolemia) resulted in the minerals (such as sodium, potassium) in the blood, which can cause heart arrhythmias. Or heart failure can also be caused hemolysis (hemolysis), too, the water is more concentrated blood. Sea choke in the lungs. Will absorb the blood (plasma) from the blood into the lungs. Cause pulmonary edema (pulmonary edema) flow volume decreases (hypovolemia) and mineral levels in the blood rise. Heart arrhythmia Heart attack or severe shock. However People often die from drowning Due to lack of air over Changes in mineral levels And the volume of blood.
symptom
The drowning is often unconscious and not breathing, some heart can stop. (No pulse) together. If not to the unconscious It may be a headache, chest pain, vomiting, restlessness, or cough with frothy blood vessels (which show that patients with pulmonary edema) may detect unusual supraventricular tachycardia. Excitable Hypotension or shock.
Benefits Aid
1. To help sustain life and help them to breathe. help stop the bleeding
2. patients, ease suffering and not to hurt even more.
3. To help patients recover faster and care and encouragement. Giving painkillers to keep warm.
The importance of first aid is as follows.
1. To help save the lives of patients. Aid to accurately and quickly can help reduce the risk of serious damage or deaths, such as those that help give artificial respiration stop the bleeding and so on.
2. To help prevent patients getting more dangerous. Aid to reduce the danger of injury. As well as help prevent complications or disability. That may occur after an accident or illness, such as helping the unconscious, lying like cockle order not to choke on saliva or mucus in the airways or moving the patient to fractures in the right way, allowing the bones to it. press the Tab key, etc.
3. Relieve Pain Aid correct to relieve pain and suffering from injuries, such as water use, rinse the chemical into the eye, which helps reduce irritation and pain down. Or a temporary splint to the leg bone to the fractured movement was minimal and no damage to surrounding tissue. And reduce pain as well.
4. To help patients recover and return to normal soon. Because patients often have concerns about their injury. So in addition to the first aid and rescue. Psychological care is important. Whether it's an encouraging sympathizer.
What aid should
1. If stanch bleeding Afterwards when necessary.
2. resuscitation if breathing has stopped, immediately, immediately, unless the patient is breathing on their own.
3. Do not touch the wound with blood or serum of the patient directly.
4. In the case of patients with dentures should be removed while the patient is unconscious.
5. If the patient is unconscious or comatose forbidden to drink or eat.
6. If you suspect a fracture, should be temporary splint before moving.
7. Do not move the patient unless necessary.
8. If the patient has very serious injury. To the doctor immediately as soon as possible.
Request permission to continue publishing the knowledge to be applied in real life situations. Sawat college students from school
From Various Sources
Prepared by Mr. Chirathivat Valley Sena loyal.
Student ID 5322014094
Department of Computer Science Yasothon Province
E-Mail: golfzacc@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น