วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

หน้าที่ของเด็กไทย "ในวันลอยกระทง" (Children of Thailand "Loy Kratong")

       หน้าที่ของเด็กไทย "ในวันลอยกระทง" (Children of Thailand "Loy Kratong")

         การนำกระทงที่ประดิษฐ์ขึ้น ไปลอยบูชาพระแม่คงคา ด้วยสำนึกถึงบุญคุณที่มนุษย์
และสิ่งมีชีวิตได้อาศัยเพื่อการดำชีวิต

   
                                            หลักปฏิบัติ
        เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี น้ำในแม่น้ำลำคลองจะเอ่อเต็มตลิ่ง ชาวพุทธต่างสำนึกในบุญคุณของแม่น้ำลำคลองที่ได้อาศัย เพื่อการดำรงชีวิต จึงจัดพิธีลอยกระทงเป็นประเพณีสืบต่อกันมาทั้ง พิธีหลวงและพิธีราษฎร์ (พิธีหลวงเรียกว่า การลอยพระประทีป)
         รูปทรงของกระทงจะทำเป็นรูปคล้ายดอกบัว ตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียนปักไว้ ก่อนลอยจะจุดธูปเทียนแล้วกล่าวคำอธิษฐาน แล้วจึงลอยกระทงในแม่น้ำลำคลอง   เด็กไทยควรจะได้มีส่วนร่วมประเพณีในวันลอยกระทงโดยคำอธิษฐาน แล้วจึงลอยกระทงในแม่น้ำลำคลอง
เด็กไทยควรจะได้มีส่วนร่วมประเพณีในวันลอยกระทงโดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมไทย คือ รักษามารยาทและวัฒนธรรมที่ดีงาม ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ไม่เพิ่มความสกปรกให้แม่น้ำลำคลอง ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุทางน้ำ

ขออนุญาติเผยเเพร่
เเหล่งที่มาจากหนังสือหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544
สาระการเรียนรู้ : สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
สาระหลัก : หน้าที่พลเมือง


ผู้ปิดทองหลังพระ - คาราบาว

หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงพ่อหลวง ร.๙ (The main concept of the sufficiency of His Majesty. 9.)

ขอบคุณภาพจาก http://www.eto.ku.ac.th/s-e/main-th.html
          
หลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง
     การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและ
ความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจน
ใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจและการกระทำ

          ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีหลักพิจารณาอยู่ � ส่วน ดังน��
      •  กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางที่ ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สมารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการ
มองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อ
ความมั่นคง และ ความยั่งยืน ของการพัฒนา
      •  คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ
โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
      •  คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย � คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้

          •  ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียน
              ตนเองและผู้อื่น เช่นการผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
          •  ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไป
              อย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
              จากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
          •  การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลง
              ด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
              ในอนาคตทั้งใกล้และไกล 


     เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้
และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน กล่าวคือ

  • เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
    ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน
    และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
  • เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม
    มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
     แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ
การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ความรู้และเทคโนโลยี


ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล http://www.eto.ku.ac.th/s-e/main-th.html  
ขออนุญาติดเผยเเพร่นะครับ.




วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ข้าเจ้า..เอื้องดอย

ภาษาเหนือวันนี้เสนอคำว่า"บ่ดีนอนเดิ๊ก กำเดวจะลุกขวาย"


        
                                                     วันนี้ภาษาเหนือเสนอคำว่า 
                          "บ่ดีนอนเดิ๊ก  กำเดวจะลุกขวาย"  
                                                    หมายถึง  อย่านอนดึกเดียวจะตื่นสาย

มาทำความเข้าใจกับประโยคภาษาเหนือกัน

       หากเราได้ไปเที่ยวทางภาคเหนือ  ไม่ว่าจะไปเที่ยวในฤดูหนาว  เที่ยวสงกรานต์  หรือมาสูดอากาศสดชื่นนั้น  เมื่อเราได้เข้าไปในเขตชุมชน  ย่อมได้ยินประโยคที่ชาวบ้านเค้าพูดกันหลากหลายครับ  บางคนพูดเร็ว บางคนพูดช้า  ยิ่งคนที่ไม่รู้ภาษาเหนืออย่างเราด้วยแล้ว  กว่าจะทำความเข้าใจคงต้องให้ชาวบ้านเค้าแปลภาษาคำเมืองเป็นภาษาไทยอีกทีนึงแน่ๆ ฮ่า ฮ่า!! แต่คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย  ถ้าเรารู้ความหมายของภาษาเหนือบางประโยค  ที่เค้าพูดกันบ่อยๆนั้น  เพื่อที่เราจะได้สื่อสารกับเค้าได้ไม่มากก็น้อย 

       คนภาคเหนือก็ใจดีเหมือนกับคนไทยทุกๆภาคนั่นแหล่ะครับ  เจอใครก็ทักทายกันบ้าง แต่ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ  คนภาคเหนือมักจะทักทายกันด้วยคำว่า "กิ๋นข้าวแล้วกา (กินข้าวหรือยัง)" ซึ่งผู้เขียนคาดว่าคงเป็นกุสโลบายที่พูดติดปากกันมาตั้งแต่สมัยอดีต เพราะการถามเรื่องการข้าวนั้น จะมีความหมายกว้างไปถึงเรื่องของการอยู่ดีมีสุข มีอยู่ มีกินนั่นเอง  และอีกนัยหนึ่งน่าจะเป็นเพราะคนสมัยโบราณนั้น  ต้องกินข้าวก่อนไปทำงาน  จะได้มีเรี่ยวแรงในการทำงานนั่นเอง



วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

นิทานสอนใจก่อนนอนจาก NuPim_NuYoK



❤️❤️❤️นิทานสอนใจก่อนนอนจาก  NuPim_NuYoK❤️❤️❤️




เทพารักษ์กับคนตัดไม้
   ชายตัดไม้คนหนึ่งเดินไปตัดไม้อยู่ริมลำธาร เขาพลัดทำขวานตกลงในแม่น้ำ  เขาเสียใจยิ่งนัก เทพารักษ์เห็นเขาเสียใจจึง โผล่ขึ้นจากน้ำพร้อมขวานทอง
ขวานนี้ของเจ้าใช่ไหม ชายตัดไม้ตอบ ไม่ใช่ ไม่ใช่ขวานของข้า
เทพารักษ์ดำลงไปใหม่พร้อมโผล่มากับขวานเงิน ขวานนี้ของเจ้าใช่ไหม
ชายตัดไม้ตอบ ไม่ใช่ ขวานข้าเป็นเหล็กธรรมดา
เทพารักษ์ดำลงไปอีก พร้อมโผล่มากับขวานเหล็ก ขวานนี่ของเจ้าใช่ไหม
ใช่ครับ นี่แหละขวานของข้า เทพารักษ์ประทับใจในความซื่อสัตย์ จึงมอบขวานเงินและขวานทองให้กับเขาไป   ชายตัดไม้ดีใจเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนเกิดความโลภ จึงแสร้งทำเป็นขวานหล่นลงแม่น้ำ เทพารักษ์โผล่ขึ้นมาพร้อมขวานทอง ถามว่านี่ใช่ขวานของเจ้าไหม    เพื่อนชายตัดไม้รีบตอบ ใช่ๆ นี่แหละขวานของข้า   เทพารักษ์กล่าว เจ้าคนคด เจ้าไม่มีความซื่อสัตย์ เจ้าจะไม่ได้ขวานของเจ้าคืนกล่าวเสร็จเทพารักษ์ก็หายตัวไป ปล่อยให้เพื่อนชายตัดไม้เสียใจอยู่ริมลำธาร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โลภมากย่อมลาภหาย

“พุทธทำนาย” (ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี)


พุทธทำนาย
โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์
(โต พรหมรสี)

การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง
1.      กรรมเวรจากอดีตชาติจะได้ลบล้าง
2.      หนี้เวรจะได้คลี่คลาย พ้นภัยจากทะเลทุกข์
3.      โรคภัยไข้เจ็บจากเจ้ากรรมนายเวรจะพ้นไป
4.      สามีภรรยาที่แตกแยกจะคืนดีต่อกัน
5.      วิญญาณของเด็กที่แท้งในท้องจะได้ไปเกิดใหม่
6.      กิจการงานจะราบรื่นสมความปรารถนา
7.      บุตรจะเฉลียดฉลาดเจริญรุ่งเรือง
8.      บารมีคุ้มครองลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุข
9.      พ่อแม่จะมีอายุยืน
10.  ลูกหลานเกเรจะเปลี่ยนแปลงเป็นคนดี
11.  วิญญาณทุกข์ของบรรพบุรุษจะพ้นจากการถูกทรมานไปสู่สุคติ
ค้นพบ หนังสืออินตก – เทพทำนาย โดยย่อ
          หนังสือใบลาน ได้ถูกตกมาในวัดแห่งหนึ่ง ในจังหวัด อัตตะบือ (ประเทศลาว) ข้าพเจ้าได้รับรู้จากพระอาจารย์ผู้ทรงศีลองค์หนึ่งเผยแผ่ให้ เลยเกิดความศรัทธาเสียสละทรัพย์พิมพ์แจกจ่ายมายังพี่น้องชาวพุทธทั้งหลายเพื่อเป็นกุศล และเพื่อพิจารณาด้วยตนเองถึงเหตุการณ์ มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งจะบังเกิดขึ้นตามพุทธทำนายดังนี้...
โลชังชม  โทโพโส  อินโตกรุณา
          พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่าถ้าบุคคลใดได้รู้ จงรีบบอกให้คนอื่นฟังหรือพิมพ์แจกตามกำลังศรัทธาจะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านได้หลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าบุคคลใดลงมาเกิดพร้อมทั้งหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านเรือนจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างแน่แท้
                ในปีจอถึงปีกุน เมื่อเดือนหงายจะมีงูพิษอยู่บนศรีษะ ฉกกัดให้ถึงตาย และมีผู้คนทั้งหลายจะเกิดความเดือดร้อนหลายประการ
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนศึกสงครามบ่แล้ว
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนน้ำและไฟ
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนบ่มีไผสิเบิงไผ
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนผัว – เมียบ่เห็นหน้ากัน
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนมีคนตายตามทุ่งนา
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนบ่มีผู้เฒ่า
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก
          ทุกข์ยากฮ้อน     ย้อนนอนบ่หลับ
          ในปีจอนี้ ในเมืองจันทร์จะมีฤาษีองค์ทองคำสิกขาลาเพศออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามบ่ให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนค่ำ) พญายมราชจะนำเอายาพิษมาพ่นใส่มนุษย์

          ในปีจอ เมืองกรุงเทพมหานคร จะแตกพังทลายในตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกต หัวเชี่ยงเมี่ยง ข้าวเม็ดใหญ่จะกลับสู่เวียงจันทร์ นี่คือ พระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนไว้ในใบลาน จงเก็บรักษาไว้ให้ดีจะหลุดพ้นจากภัยพิบัติตอนเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาเขียนไว้ว่า
          ปะโต เมตัง ประระชีมิมัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะมัง สุคะโต จุติ  พระคาถาบทนี้เขียนลงในใบลาน แผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีติดไว้ที่ประตูบ้าน ในรถหรือโพกศรีษะ เมื่อเกิดเหตุจะช่วยให้พ้นภัยอันตราย
                ในกาลเวลานี้เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำบุญเพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้องค์อินทร์ จึงสั่งลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาปถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ ถึงปีกุน ดังต่อไปนี้
1.       จะเกิดลมพายุแรง แผ่นดินไหว
2.       จะเกิดอัคคีภัย
3.       จะเกิดอุทกภัย
4.       จะเกิดอาฆาตฆ่าฟัน
5.       จะเกิดฟ้าผ่า
6.       จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป
7.       จะเกิดสารพิษต่างๆ
8.       จะเกิดกาฬโรคต่างๆ
9.       จะเกิดข้าวยากหมากแพง
     มหันตภัย 9 อย่างนี้ จะหลุดพ้นได้โดยเฉพาะผู้มีบุญตนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อๆกันไป ทำความดีมากๆ ถ้าเลยปีจอปีกุนไปแล้ว ทุกคนพร้อมทั้งลูกหลานจะได้รับความสุขกายสบายใจทุกคน ให้ทุกคนเคร่งครัดใน ศีล 5
     นอกจากหนังสืออินตกที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีพระผู้ทรงศีลอีกองค์หนึ่งได้พบเห็นคำสอนที่จารึกในแผ่นศิลาที่พึ่งพบในภูเขาแห่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าได้เดินธุดงค์วิปัสนากรรมฐานผ่านไปพระผู้ทรงศีลกล่าวว่าพี่น้องทั้งถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาที่สวรรค์จะไม่มีความลับถ้าท่านเชื่อก็เป็นกุศลรู้เพียงเท่านี้ข้าพเจ้าขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในแผ่นศิลาได้เขียนไว้โดยพระมหากัสสะปะว่า ในปีระกา ปีจอ ปีกุน เดือน 7 – 8 จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงตามถนนหนทางในเดือน 9 – 10 คนใจบาปจะถูกล้างผลาญให้หมดไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน พระผู้ทรงศีลกล่าวถึงหนังสืออินตก ถ้าท่านผู้ใดเคารพบูชาหรือบนว่าจะบอกแก่ผู้อื่นหรือพิมพ์แจกจ่ายให้สาธุชนทั้งหลายได้รับรู้แล้ว ท่านปรารถนาสิ่งใดจะได้สมใจนึกจะปรารถนาสิ่งใดจะได้สมใจนึกจะปราศจากภัยพิบัติทั้งปวงตลอดไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

                          พระพุทธเจ้าทำนาย
     ออกจากศิลาจารึกในหมาวิหานเจตมหาเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะทูตไทย ที่ไปอัญเชิญ    พระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย ว่าดังนี้
    สาธุ  อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก      ที่เกิดมาแล้วแต่ลำบากทั่วหน้า ทุกชาติ      ทุกศาสนาตามธรรมชาติ เมื่ออาตมาเข้า     นิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด      โลกจะหมุนไปใกล้ถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้สองพันห้าร้อยปีมนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะ 30 ปี สิ่งที่มนุษย์ไม่เคยเห็นจะได้เห็น  ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้กลับหลับเป็นตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนักใกล้กับ พ.ศ. 2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน  พื้นน้ำ จะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำงานเหมือนยักษ์กระหายเลือด  แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งๆ หนึ่งจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกัน ตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนาซึ่งถือกำเนิดจากป่า ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ทำบุญแต่เดินตามทางตถาคต สามารถระงับร้อนไม่รุนแรงบ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ร่มกาสาวพัสตร์ ก็รับภัยพิบัติเบาบาง แต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟลุกลามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอารามสมณะชีพราหมณ์  จะอดอยากยากเข็ญ  ลูกไฟจะตกจากฟ้า  เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ  สงครามจะเกิดทั่วทิศ  พญานาคจะพ่นไฟ  ทหารจะเป็นเจ้า  ข้าวสารจะขาด  ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลืองสีเหลืองจะชนะพระยังคงอยู่คู่เมืองต่อไป   สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้าว่า ดังนี้  ชา  ตะ มะ สะ ละ วา  พระพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษ หน้าบ้านหรือหัวนอนดังนี้  จะมีอายุยืนยาว  จะทันผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ลานช้าง       (ภาคอีสานในปัจจุบัน)  พระยาธรรมิกราชา เข้ามาปีกุน เดือน 11 เป็นเที่ยงแท้นักหนา ท่านเสด็จมาในปีระกา  แรม 5 ค่ำ        มหากษัตริย์มาหาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมาพอประมาณได้ 76,400 รูป ทั่วอาณาจักรสมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศคาถาว่า ดังนี้  นะสัจจัง  ทะ คะยังมะสำคำปัง  คอยดูในปีมะโรงคนจะเดินโก่งโค้งคลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา  ให้ภาวนาให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนาคอยดูปีมะเส็งตะลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ  อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง  ท่านเข้ามาปีกุนเดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะได้รับอันตรายคอยดูในปีจอ คนเราจะพ้นภัย สะโรนะ    กาโททายะโม  พุทธะตะยะ  ภาวนาทุกเช้าค่ำผู้นั้นจะมีอายุยืนจะได้เห็นพระยาธรรมิกราชา (พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย) ใน    ปีกุนท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใดผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย
     คำเตือน  โลกมนุษย์กำลังจะเข้าสู่กาลียุคจะทำให้เกิดภัยธรรมชาติจาก            ดิน–น้ำ– ลม - ไฟ  จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง
     สำหรับประเทศไทย  จะเริ่มเกิดตั้งแต่ปี 2550 คาดว่าจะได้รับภัยทางน้ำและไฟโดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทะเลและกรุงเทพมหานคร แผ่นดินจะยุบ คลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร มนุษย์จะล้มตายมากกว่าครึ่ง น้ำจะเข้าช่องแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วน  ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากร 30 เปอร์เซ็นต์
   ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นบุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็สูญเสียสติสัมปชัญญะ ไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาเพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญฌานภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงใหลในทรัพย์สินของตนให้มันมากนัก เพราะเมื่อเข้ายุคศิวิไลซ์  เงินทองจะไม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้น  วัดกันที่ความดี ศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น  ปีมะโรง พ.ศ. 2555 ปี มะเส็ง พ.ศ. 2556  ปีระกา พ.ศ.2560  ปีจอ พ.ศ. 2561 ปีกุน  พ.ศ.2562


                คำทำนายสมเด็จพระพุฒาจารย์
                            (โต พรหมรสี)
รัชกาลที่ 1  ทายว่า มหากาฬ (ทำลายเพื่อน พี่น้อง)
รัชกาลที่ 2  ทายว่า ณานยักษ์ (ชำนายเวทมนตร์)
รัชกาลที่3ทายว่ารักมิตร(มีการค้าขายกับต่างชาติมากมาย)
รัชกาลที่  4 ทายว่า สนิทคำ (ออกบวช)
รัชกาลที่  5 ทายว่า  จำแขนขาด (คือต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเขมรเพื่อป้องกันอธิปไตย)
รัชกาลที่  6 ทายว่า ราชโจร(เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 1 เกิดกลุ่มโจรมากมาย มีการตั้งกองเสือป่าครั้งแรกของไทย)
รัชกาลที่ 7 ทายว่า ชนร้องทุกข์(เกิดการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย)
รัชกาลที่8ทายว่ายุคทมิฬ(พระเจ้าแผ่นดินถูกลอบปลงพระชนม์)
รัชกาลที่ 9 ทายว่า ถิ่นกาขาว
(มีฝรั่งมากมายนำเงินมาซื้อประเทศไทยเกิดวิกฤติการเงิน)
รัชกาลที่ 10 ทายว่า ชาวศิวิไลซ์
(จะเหลือเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้นรอด คอยเป็นยุคของพระศรีอริยเมตไตรย)
     

     พระคาถาบูชาพ่อ ร. 5
     (ธูป 9 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ)
                พระสยามมินทะโร วะโร  อัตตัง
                          พุทธสังมิ  อิติ อรหัง
                      วะพุทโธ  นะโมพุทธายะ
                      ปิโย  เทวา  มะนุสสานัง
                    ปิโย  พรหมานะ  มุตตะโม
                       ปินัน หริยัง  นะมามิหัง 
  ข้าพเจ้าได้พบหนังสือเล่มนี้เข้าด้วยความบังเอิญเมื่ออ่านดูแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธาจึงพิมพ์แจกเป็นกุศลทานซึ่งในใจความหนังสือมีอยู่ว่า
        วันหนึ่งในโบสถ์ของวัดศิริประสุประตินาถได้มีหลวงพ่อองค์หนึ่งได้นั่งสวดมนต์อยู่ในโบสถ์ของวัดในเวลานั้นก็มีงูตัวหนึ่งได้เลื้อยออกมาจากหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ หลวงพ่อเมื่อได้เห็นงูตัวนั้นก็เกิดอาการกลัวหลังจากนั้นงูก็ได้กลายเป็นมนุษย์ในรูปพราหมณ์แล้วพูดกับหลวงพ่อว่า เจ้าไม่ต้องกลัวและตกใจจงฟังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือพญานาคราชและได้จุติ ณ วัดแห่งนี้เพื่อบำบัดปัดเป่าความชั่วร้ายและคนบาป  คนที่ทำกรรมไว้มากจะให้พินาศหายไปจากโลกนี้และเจ้าจงประกาศให้ได้รู้ทั่วว่า ผู้ใดนำเรื่องของข้าพเจ้าไปพิมพิ์แจก 1,000 ใบ ภายใน 15-30 วัน มันผู้นั้นจะมีโชคลาภ มีความสุขความเจริยคิดสิ่งใดสมความปรารถนาทุกประการและผู้ใดได้อ่านอย่าคิดว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่เชื่อ และผู้ใดคิดจะพิมพ์แจกภายใน 15 - 30 วัน อย่าคิดพิมพ์ผัดวันประกันพรุ่งหรืออ่านแล้วฉีกทิ้ง มันผู้นั้นจะมีเรื่องภัยพิบัติเกิดขึ้นต่อผู้นั้น อ่านแล้วอย่าทิ้งให้พิมพ์แจกหรือแจกต่อๆ ไป (หรือเก็บไว้สวดมนต์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว)
     จากนั้นมาหลวงพ่อนั้นได้พิมพ์แจก 1,000 ใบ หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วันเท่านั้นท่านได้สำเร็จวิชาต่างๆ และคุณโกบินตะแห่งปราสาทคุปตาได้พิมพ์แจก 1,000  ใบ เขาก็ได้เงินทองที่หยิบยืมไปคืนมาอีกรายหนึ่งก็พิมพ์แจก 500 ใบ รายนี้เป็นชาวนา วันหนึ่งเขาไปไถนาเขาได้พบไหใบหนึ่งมีเงินทองเต็มไปหมด ส่วนอีกรายหนึ่งก็ได้พิมพ์แจก 100 ใบ เขาถูกล็อตเตอรี่ 1 ล้านบาท อีกรายหนึ่งเป็นคนถีบสามล้อก็พิมพ์แจก 650 ใบ เขาก็เจอแจกันทอง อีกรายหนึ่งเป็นคนตกงานไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ พอเขาพิมพ์แจก 3- 4 วัน เขาก็หางานทำได้เป็นงานดี และอีกรายได้อ่านและคิดจะพิมพ์แจกแต่ผัดวันประกันพรุ่งจนเลยกำหนด ผู้นั้นเป็นพ่อค้าทำการค้าขายก็ขาดทุน และพ่อเขาก็มาตายจากไป อีกรายหนึ่งก็พิมพ์แจก 1,000 ใบ ไม่กี่วันเขาก็มีเงินทองแบบไม่น่าเชื่ออยู่เฉยๆก็มีเงินขึ้นมาเอง เหตุการณ์ที่การณ์ที่เกิดขึ้นมาในโบสถ์ในวัดประสุประตินาถนี้ต้องคิดด้วยความสัตย์จริงและศรัทธา อ่านแล้วต้องพิมพ์แจก อ่านแล้วอย่าฉีกทิ้งให้แจกต่อๆ กันไปด้วยศรัทธาและเชื่อถือก็จะเป็นผลดีแก่ตนเอง

การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน
     พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อนถ้าจะนับบุญก็คงใหญ่เท่าภูเขาเลากา หรือเท่าก้อนโลก  แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำบุญแต่ไม่เห็นสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจ้องกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อย มีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์อำนาจสามารถช่วยเหลือเราให้ประสบความสำเร็จได้ดั่งใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดา และเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งก็ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้เขาไม่เจาะจง หรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้เขาจึงไม่ได้รับ
     เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าถวายของแก่พระสงฆ์ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ มิตร  แม้ให้ข้าวหมากิน  ให้อาหารปลา โปรยเศษอาหารให้มดกิน  ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้นเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ที่กำลังให้เพียงเสี้ยววินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปยังเบื้องบนแล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้น
     ขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันทีว่า ...
บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ
บุญนี้จงเป็นของเทวดา ภูต ผี ปีศาจ เปรต ครุฑ นาค ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในเรือกสวนไร่นาหรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า
หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า  จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดามารดาของข้าเป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องแก้ไขจุดไหน เช่น
     บุตรของเราเกเรเหลือเกิน ชอบสร้างแต่ความเดือดร้อน สั่งสอนไม่ฟัง แบบนี้ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ตักเตือน  วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้นท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา  ถ้าเทวดาประจำตัวเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ   เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง  มีชีวิตสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้นเขาจะทราบได้เองว่าสิ่งใดนั้นมาจากไหนอุทิศบุญให้ท่านก็อฐิษฐานว่า เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้ว ขอให้มีความสุขมีกินมีใช้เสื้อผ้าที่อยู่อาศัย และขอให้อบรมตักเตือนลูกของข้าให้เป็นคนดีด้วยดังนี้ไม่นานหรอกจะเกิดกรณีพิสดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีแน่นอน
     สามีหรือภรรยา คู่ครองของตน เป็นที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเรา ละเลิกความประพฤติชั่ว เหลวไหล  ก็ให้แบบเดียวกันกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร
      กิจการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา
เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่านและเทวดาที่ดูแลกิจการการค้าพร้อมกันแล้วอธิษฐานว่า เทวดารับบุญของเราแล้วโปรดช่วยเหลือกิจการธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำให้ท่านยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกจะใช้คำเรียกตนเองว่าข้าเราก็ได้ทั้งนั้น
      ร้านค้าขาย จะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วยแล้วบอกว่า เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้วโปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆด้วย
      การอุทิศบุญไม่ต้องพูด ไม่ต้องกรวดน้ำให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดทันที อย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้น จะดำรงอยู่ไม่กี่วินาที  แล้วจะหายไปอยู่สวรรค์  ถ้าฝึกบ่อยๆเราจะชำนาญในการคิดเพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปากเวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันทีและคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราไปก็ให้คิดทันทีอย่าช้า
     
      การรักษาโรคภัยที่เกิดกับตัวเรา            สืบเนื่องมาจากนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชังกระทำทั้งสิ้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมสุขภาพไม่ดี ดังนั้นการักษาต้องส่งบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้น ๆ และให้เทวดาผู้รักษาตัวเรา  ในขณะเดียวกันโปรดอธิษฐาน หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการให้หายขาดได้ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาตัวเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้ว จงอโหสิกรรมให้ด้วยถ้าเราหายเราจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่งๆ     ขึ้นไปการอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลายๆ ครั้งจนเขาพอใจอาการป่วยของเราก็หายเร็วขึ้น
      วิธีการให้บุญเจ้ากรรมนายเวร ควรจะทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่นคนป่วยมะเร็งจุดไหนเมื่อส่งบุญให้คิด บุญนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วย...พวกเชื่อมะเร็ง เมื่อได้รับบุญแล้วขอให้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้นจงหลุดพ้นจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดียวนี้ เมื่อเราหายเราจะทำให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตให้พวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆพวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราตั้งแต่บัดนี้ เราจะตั้งอยู่ในศีลธรรม เลิกเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย
    ผู้มีอาชีพเกี่ยวกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่นคนเหล่านี้ได้สร้างบาปกรรมทุกวันๆ ก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่วันเขาพยายามยามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้แต่หากพวกนายเวรมีช่องทางเมื่อไร้วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเกล่านั้น (นายเวร) จะตามทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่าทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้วขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้นจงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองสร้างไว้จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็น เทวบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้บุญแล้วจงอโหสิกรรมกันให้แก่ข้าพเจ้าด้วย



คาถาบริกรรม และปฏิบัติ เพื่อปลดหนี้ต่อเจ้ากรรมนายเวร ตั้งแต่อดีตชาติ

      เนื่องเพราะเราทุกๆ คน เคยมีหนี้สิน (หนี้ กรรม) มาตั้งแต่อดีตทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนาพอมาชาตินี้ปรากฏว่า เกือบทึกคนที่ต้องเสียเงินทอง เสียทรัพย์สินโดยมิได้กลับคืนมา เช่น มีคนขอยืมเงินไปแล้วไม่นำมาคืน โดนลักทรัพย์  โดนอุบัติเหตุในทรัพย์สิน ทุกชนิดเสียหายบางคนขายของโดยสินเชื่อแล้วยังไม่เงิน โดนโกงแชร์ ฯลฯ
และเกือบทุกคนๆทำบุญ ทำทานถวายพระมามากมายแต่ไม่เคยคิดที่จะนำเงินที่มีมาใช้หนี้เก่าที่ติดค้างมาตั้งแต่อดีตชาติเจ้ากรรมหนี้จึงมาทวงคืนตามเวลาและจังหวะที่เหมาะสมของเขา จึงเกิดเรื่องขึ้นว่า ทำไมเราเป็นคนถือศีล ทำทานแล้ว ยังมีเหตุการณ์โกงหนี้สินเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน
     ฉะนั้น  เพื่อปลดหนี้กรรมและอโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรดังกล่าวเสียแต่บัดนี้ เพื่อความเป็นมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และตระกูล จึงขอให้ท่านบริกรรม   - ปฏิบัติ ดังนี้
     นะโม  ตัสสะ ภะคะวะโต  อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ  (3 จบ)
     ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้า(นาย,นาง..) ได้ติดหนี้ชีวิตท่านเท่าใด เวลาใด ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติทั้งโดยเจตนาและโดยไม่เจตนา  ข้าพเจ้าขอปวารณาว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าจะขอทยอยใช้หนี้คืนให้ทุกบาทสตางค์จนกว่าจะหมดและขออโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความสุขความเจริญของข้าพเจ้าและครอบครัวด้วยเทอญ.
     นั่งบริกรรมโดยถือเหรียญ 1 บาท ไว้ในมือเสร็จแล้วเอาเหรียญหย่อนใส่กระปุกหรือถ้วยไว้ทุกๆ วันจนครบ 4 เดือน แล้วเอาเหรียญทั้งหมดไปทำบุญทำทานห้ามนำไปซื้อของกลับมาใช้ ให้ท่านทำตอนเช้าก่อนที่จะใช้เงินต่างๆ ในทุกๆ วัน

คาถาป้องกันภัยพิบัติ
หิตะทิราชัน  มันกาโล
อังคะสิลากะระสะสะสะติ
โหถะถิคะหะคะเน
พุทธิทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
อิติปะระมิตตาติงสา
อิติสัพพัญญู  มาคะตา
อิติโพธิมะนุปปัตโต
อิติปิโสจะเตนะโม
(ท่อง 7 จบหรือ 9 จบ)
     เสกใส่น้ำดื่มป้องกันทุกสรรพภัย เมื่อท่องบ่นเป็นประจำสามารถป้องกันภัยจากดิน น้ำ ลม ไฟ  และสรรพโรค สรรพภัยทั้งหมดทั้งปวง

                 
รักลูก....ลูกรัก
      พ่อแม่ก็แก่เฒ่า      จำจากเจ้าไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน        เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
       ใจจริงไม่อยากเจอ    เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน  แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป 
      ขอเถิดถ้าสงสาร  อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ
คนแก่ชะราวัย  ติดเผลอไผลเป็นแน่นอน 
      ไม่รักก็ไม่ว่า  เพียงเมตตาช่วยอาทร ให้กินและให้นอน  คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ  เมื่อยาม เจ้าโกรธขึ้ง  ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย  ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน 
      เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่  แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน  หวังเพียงจะได้ยล  เติบโตจนสง่างาม 
      ขอโทษถ้าทำผิด  ขอให้คิดทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ  หวังติดตามช่วยอวยชัย
      ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง  มีหรือหวังอยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป     ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง

        
                              รักลูก...ลูกรัก
                               ขอนอบน้อมหมอบกราบแท้..
                     พระแม่แก้วสำนึกแล้ว..ความเลวที่เหลวไหล
      ลูกซึ่งแล้ว แนววิถีที่เป็นไป        แม่ช้ำใจเพราะลูกมาจนชิน             ลูกสร้างกรรมทำบาปกราบเท้าแม่  ซึ้งใจแท้แม่อภัยให้หมด  สิ้น น้ำตาแม่แต่ละหยดที่รดดิน      ลูกถวิลดังน้ำกรด ... รดหัวใจ
      พระคุณแม่เลิศฟ้ามหาสมุทร  พระคุณแม่สูงสุดมหาศาล  พระคุณแม่  เลศกว่าสุธาธาร      ใครจะปานแม่ฉะนั้นไม่มี                 แม่ แม่ แม่ คำนี้มีความหมาย      มีพระคุณมากมายหลานสถาน
       แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายประการ เป็นธนาคารเป็นพระพรหมเป็นร่มไทร เป็นผู้ให้กำเนิด เกิดลูกน้อย เป็นผู้ให้ ที่พัก ที่อาศัย เป็นผู้ให้การุณย์ อบอุ่นใจ เป็นผู้ให้ อะไร อะไร ไม่รามือ ลูกเจ็บไข้แม่ก็ให้การรักษา ลูกโตมาแม่ก็ส่งเรียนหนังสือ    ลูกต้องการตำราแม่หาซื้อ     ลูกปรึกษาหารือแม่ยินดี ลูกคนใดกระทำกรรมแก่แม่                                        สุดเลวแท้ชั่วช้า  สิ้นราศี         ลูกตีแม่  ด่าแม่  ลูกกาลี ลูกไม่ดี ทำแม่ซ้ำ  น้ำตาริน  น้ำตาแม่รินไหลเมื่อลูกร้าย  น้ำตาแม่เป็นสายเมื่อลูกหมิ่น  น้ำตาหลั่งลงรดแผ่นดิน     เมื่อได้ยินลูกเสเพลเนรคุณ  โอ่แม่จ๋า  ผู้เมตตา ผู้การุณย์    โอ้แม่จ๋า   ผู้ค้ำจุน  ไม่ห่างไกล
      ดวงใจแม่ใสสะอาดกว่าทุกสิ่ง  ดวงใจแม่สะอาดยิ่งกว่าสิ่งไหน  ดวงใจแม่ส่องสว่างกลางดวงใจ   ดวงใจมี่ไว้เพื่อลูกเอย....


         

        บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา  สักกาเรนะ พุทธัง  อะภิปูชะยามิ
อิมินา  สักกาเรนะ ธัมมัง  อภิปูชะยามิ
อิมินา  สักกาเรนะ สังฆัง  อะภิปูชะยามิ 
                             กราบพระรัตนตรัย  
    อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ  ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง    อะภิวาเทมิ(กราบ)
     ส๎วากขาโต  ภะคะวะตา ธัมโม ธังมัง นะมัสสามิ(กราบ)
 สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ  สังฆัง นะมามิ(กราบ)                                                                                                                                  นมัสการ                                             
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธสะ                                     (สวด 3 จบ)
                            ขอขมาพระรัตนตรัย
     วันทามิ พุทธัง ,สัพพัง เม โทสัง,ขะมะถะ เม ภันเต,วันทามิ ธัมมัง,สัพพัง  เม โทสัง,ขะมะถะ  เมภันเต, วันทามิ สังฆัง, สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต



ไตรสรณ์คมน์
     พุทธัง    สะระณัง คัจฉามิ
     ธังมัง     สะระณัง  คัจฉามิ
     สังฆัง     สะระณัง  คัจฉามิ
     ทุติยัมปิ   พุทธัง   สะระณัง   คัจฉามิ
     ทุติยัมปิ   ธัมมัง   สะระณัง   คัจฉามิ
     ทุติยัมปิ   สังฆัง   สะระณัง   คัจฉามิ
     ตะติยัมปิ  พุทธัง  สะระณัง   คัจฉามิ
     ตะติยัมปิ  ธัมมัง  สะระณัง    คัจฉามิ
     ตะติยัมปิ  สังฆัง  สะระณัง    คัจฉามิ

                            ถวายพรพระ (อิติปิโส ฯ) 
                                         พุทธคุณ
             อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทุ อะนุตตะโร  ปุริสะทัมมะสาระถิสัตถา เทวะมะนุสสานัง  พุทโธ  ภะคะวาติ 
                                         ธรรมคุณ
            ส๎วากขาโต ภะคะวะตา  ธัมโม สันทิฏฐิโก  อะกาลิโก     เอหิปัสสิโก  โอปะนะยิโก  ปัจจัตตัง  เวทิตัพโพ  วิญญูหีติ   (อ่านว่าวิญญูฮีตี)

สังฆคุณ
            สุปะฏิปันโน  ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฎิปันโน    ภะคะวะโต  
            สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะ สังฆังโฆ
            สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ  ปุริสะปุคคละลา เอสะ ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  อาหุเนยโย 
            ปาหุ  เนยโย  ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย  อะนุตตะรัง  ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

พระคาถาชินบัญชร
     ก่อนที่เจริญภาวนาให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จฯ ด้วยคำว่า

ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง อัตถิกาเย กายะญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุต๎วา อิติปิโส ภะคะวา ยะมะราชาโน  ท้าวเวสสุวัณโณ มะระณัง สุขัง อะระหัง    สุคะโต นะโมพุทธายะ
     ชะยาสะนากะตา พุทธา
เชตะวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง
เย ปิวิงสุ นะราสะภา
ตัณหังกะราทะโย พุทธา
อัฎฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง
มัตถะเก เต มุนิสสะรา
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง
พุทโธ  ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง
อุเร สัพพะคุณากะโร
หะทะเย เม อะนุรุทโธ
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัส๎มิง
โมคคัลลาโน  จะ วามะเก
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง
อาสุง อานันทะราหุลา
กัสสะโป จะ มะหานาโม
อุภาสุง วามะโสตะเก
เกสะโต ปิฏฐิภาคัส๎มิง
สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน
โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสะโป เถโร
มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง
ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลีนันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา
นะลาเฏ ติละกา มะมะ
     เสสาสีติ  มะหาเถรา
วิชิตา   ชินะสาวะกา
เอตาสีติ   มะหาเถรา
ชิตะวันโต  ชิโนระสา
ชะลันตา  สีละเตเชนะ
อังคะมังเคสุ  สัณฐิตา
     ระตะนัง  ปุระโต  อาสิ
ทักขิเณ   เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง  ปัจฉะโต  อาสิ
วาเม  อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ
อาฏานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส  ฉะทะนัง  อาสิ
เสสา  ปาการะสัณฐิตา
ชินาณา   วะระสังนุตตา
สัตตัปปาการะลังกะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา
พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
     อะเสสา  วินะยัง  ยันตุ
อะนันตะชินะเตชะสา
วะสะโต  เมสะกิจเจนะ
สะทา  สัมพุทธะปัญชะเร
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ
วิหะรันตัง  มะหีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ
เต มะหาปุริสาสะภา
     อิจเจวะมันโต  สุคุตโต สุรักโข

ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว

ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโค
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต
จะรามิ  ชินะปัญชะเรติ ฯ
(ชินะปัญชะระคาถา นิฏฐิตา)

แผ่เมตตาแก่ตนเอง
              อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
              นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
              อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
              อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตราย
              อะนีโฆ โหมิ  ปราศจากอุปสรรคความทุกข์กายทุกข์ใจ

แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
             สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย                                                   ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
             อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
             อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกัน                                                                 และกันเลย
             อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย                                                       ทุกข์ใจเลย
             สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ  จงมีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้                                                                       พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
  


แผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง  โหตุ สุขิตา
โหนตุ  มาตาปิตะโร  ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง  เม ญาตีนัง โหตุ  สุขิตา  โหนตุ    ญาตะโย  ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรุปัชฌายาจะริยา โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจะริยา  ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้าขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอให้บุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให่เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา ขอให้ส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ

      

                                                  กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
     ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติ  จนถึงปัจจุบันชาติท่านจะภพใดหรือภูมิใดก็ตามขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ


                      
คำอธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
(คาถาแผ่เมตตา กรวดน้ำ ของพระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต) 
          อิมินา  ปุญญะกัมเมนะ ข้าพเจ้าอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้สะสมอบรมมาแล้วตั้งแต่ในอดีตก็ดี ในปัจจุบันก็ดี ได้แก่การรักษาศีลบริจาคทาน  บำเพ็ญภาวนา สวดมนต์บูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม  พระสงฆ์ และการสงเคราะห์โดยทั่วไปบุญกุศลทั้งหลายขอให้อุทิศให้บิดา มารดา ยาติกา ครูบาอาจารย์ ผู้มีอุปการคุณ บุตร –ภรรยา-สามี มิครสหาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร พญายมราช นายนิรยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พระภูมิเจ้าที่ แม่พระธรณี  แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย แม่พระโพสพ แม่ซื้อผู้เรืองฤทธิ์     เทพยดาตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกาเบื้องบน จนถึงที่สุดชั้นพรหมเบื้องล่าง ตั้งแต่ชั้นอเวจีจนถึงโลกมนุษย์ โดยรอบสุดขอบเขตจักรวาล อนันตจักรวาล ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับส่วนกุศลนี้โดยทั่วกัน ท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ท่านที่มีสุขขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไป โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินกระทำผิดตั้งในอดีตก็ดี ในปัจจุบันก็ดี ทั้งที่ระลึกได้ก็ดีระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงได้อโหสิกรรม ยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยอำนาจผลบุญนี้ จงเป็นพลวปัยจัยนิสัย นำส่งให้ข้าพเจ้ามีสติรู้ตัว มีปัญญารู้คิด มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลมว่องไว  พิจารณาเห็นแจ้งในสัจธรรมจนถึงที่สุดของความพ้นทุกข์ คือพระนิพพานในชาติปัจจุบันตลอดชาติอย่างยิ่งเทอญ


คาถามหาจักรพรรดิ
(หลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ)
(นะโม 3 จบ)  นะโมพุทธายะ
พระพุทธไตรรัตนญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ  พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีธานัง วะรัง จันธัง สีวลีจะมหาเถรัง อะหังวันธามิทูระโต อะหังวันธามิธาตุโย อะหังวันธามิ สัพพะโส พุทธะธัมมะสังฆะปูเชมิ
สวดตามกำลังวัน อ.6. จ.15 , อัง 8 พ.17,
พฤ.19 , ศ. 21 , ส. 10





อัยเชิญพระเข้าตัว (แผ่เมตตา)  นึกถึงหลวงปู่สด            หลวงปู่ดู่  พรหมปัญโญ)
สัพเพพุธธา  สัพเพธัมมา สัมเพสังฆา พะลัปปัตตาปัจเจกกานัญ  จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ     สัพพะโส (สวด 3 หรือ 5 จบ)
           

          พุทธัง  อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ              ให้อธิษฐานจิต ส่งพลังงานถึงเรื่องที่ต้องการ เช่น อุทิศบุญกุศลให้ญาติที่เสียไปแล้ว หรือเจ้ากรรมนายเวร   ทั้งสาม แดนโลกธาตุ
วัดถ้ำเมืองนะ


                       
                    หัวใจพระคาถาชินบัญชร (อย่างย่อ)
 (นะโม 3 จบ)
    ชินะ ปัญชะระ ปะริตตังมัง
    รักขะตุ  สัพพะทา
    (สวด 9 จบ)


      คาถาหลวงปู่ทวด
      (นะโม 3 จบ)
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
       (9 จบ)


                
     
ขออนุญาติเผยเเพร่เป็นธรรมทาน
เพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่
     บรรพบุรุษ บิดา มารดา ครูอุปัชฌาย์ ผู้มีพระคุณทุกท่านญาติสนิทมิตรสหาย เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเกฑณ์ชะตา เจ้าที่เจ้าทาง เทพเทวดาประจำกายทุกพระองค์เทพ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน แม่พระธรณี  แม่พระคงคา แม่พระโพสพ  พระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านบ้านผีเรือนที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ สัมภเวสีทั้งหลาย  และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวงขอให้ท่านทั้งหลายอนุโมทนาในบุญกุศลนี้ และจงได้รับในบุญกุศลนี้โดยทั่วหน้ากันเทอญ

ถ้าท่านมีทุกข์    ขอให้พ้นทุกข์
ถ้าท่านมีสุขอยู่แล้ว  ขอให้สุขยิ่งๆขี้นไป




 
บุญเรา ไม่เคยสร้าง  ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า
      ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนเองลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้น เจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว.. เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมี แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง

      จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดิน ก็ต้านเจ้าไม่อยู่  จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า

 นี้คือคำเทศนาของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้วเมื่อ 100 กว่าปี อันเป็นปฐมเทศที่ต้องสร้างความดี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


                             







ข้าพเจ้าขอบุญกุศลนี้ที่ข้าพเจ้าตั้งใจนำมาเผยเเพร่ให้ได้อ่านเป็นการกุศลขอให้ทุกๆตระกูลในจังหวัดน่านได้รับแต่ความสุขความเจริญเทอญ.
                  ข้าพเจ้าและประชาชนจังหวัดน่านถวายพระพร ขอทุกๆ พระองค์จงทรงเกษมสำราญ
                            ทรงพระชนม์อายุยืนนาน  จงทรงพระญาณบารมียิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ
        และกระผมขอขอบคุณผู้อบรมและสั่งสอนผมทุกๆคนทั้งพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ทุกๆคนนะคับ



                                                       
         - ขออนุญาติ บริษัท ธนชัยเซล์แอนด์เซอร์วิส จำกัด ที่ครอบครัวท่านพิมพ์เเจกเป็นธรรมทาน
            (ข้าพเจ้าจึงนำมาพิมพ์ลงโพสต์ให้ผู้คนได้อ่านได้นำไปสวดมนต์เผื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต)